ปัจจุบันปฎิเสธไม่ได้เลยว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ธุรกิจออนไลน์วนเวียนอยู่รอบตัว ซึ่งก็มีแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ที่ให้บริการพื้นที่ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ (e-Marketplace Platform) ให้เลือกใช้กันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, เว็บไซต์ หรือ Shopee และ Lazada
ซึ่งวันนี้เราขอยกแพลตฟอร์มที่นิยมที่สุดในประเทศไทยอย่าง ‘Facebook’ ที่เชื่อได้เลยว่าน้อยคนนักที่จะไม่มีบัญชีเฟซบุ๊กเป็นของตัวเอง ทั้งนี้โจทย์สำคัญคือ มีร้านค้าออนไลน์เกิดขึ้นมากมายใน Facebook แล้วเราจะทำอย่างไรให้ร้านของเราโดดเด่นกว่าคู่แข่งและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ตัวเลือกที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘การโฆษณา’ หรือ ‘การยิง ad’ ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการใช้พื้นที่โฆษณา แล้วมีวิธีใดที่จะช่วยประหยัดค่าโฆษณาได้มากขึ้น หรืออยากให้โฆษณามีราคาถูก ไปดูกันเลย!
- ตั้ง Objective ให้ชัดเจนก่อนยิงโฆษณา
หมายความว่า อันดับแรกคุณจะต้องคิดให้ชัดเจนก่อนว่าจุดประสงค์ในการยิงโฆษณาของคุณนั้นเพื่ออะไร ต้องการผลลัพธ์อะไรจากการยิงโฆษณา เช่น จุดประสงค์เพื่อการขาย หรือเพื่อการสร้าง awareness จะได้ไม่เป็นการเสียงบประมาณการยิงโฆษณาแบบผิด ๆ
- กำหนด Budget เท่าที่จ่ายไหว
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นการยิงโฆษณา คุณต้องกำหนดงบประมาณขั้นต่ำต่อวันที่สามารถจ่ายได้สูงสุดเท่าไหร่ ไม่ควรให้ Facebook จัดการงบประมาณให้เอง เช่น งบประมาณขั้นต่ำที่คุณจ่ายไหวคือ 3,000.- ต่อเดือน หรือตกอยู่ที่วันละ 100.- นั่นเอง ทั้งนี้การกำหนดงบประมาณก็มีผลต่อผลลัพธ์ในการยิงโฆษณาของคุณ ดังนั้นต้องคำนึงถึงประเภทธุรกิจด้วยเช่นกัน
- เลือกกลุ่มเป้าหมายไม่กว้างเกินไป และไม่แคบเกินไป
ศึกษาพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ละเอียดลึกซึ้งที่สุด เพราะขั้นตอนการกำหนดกลุ่มเป้าหมายนั้นถือเป็นขั้นตอนสำคัญอันดับต้น ๆ ในการยิงโฆษณาบน Facebook เลยก็ว่าได้ เช่น เพศ, อายุ, ความสนใจ, สถานะความสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งภาษาของกลุ่มเป้าหมาย ถ้าหากคุณไม่รู้จักกลุ่มเป้าหมายที่ดีพอแล้วยิงโฆษณาไปแบบกว้าง ๆ ก็อาจจะทำให้คุณเสียเงินในการยิงโฆษณาไปแบบฟรี ๆ หรือหากยิงแคบไปก็ทำให้เสียโอกาสไปอีกด้วย
- ลองทำโฆษณาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบกัน
เหตุผลที่ต้องลองทำโฆษณาหลาย ๆ แบบก็เพื่อที่คุณจะสามารถดูได้ว่าโฆษณาแบบใดมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ซึ่งโฆษณาทั้งหมดนั้นจะต้องทดสอบในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ทราบว่าโฆษณาชิ้นไหนมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน และโฆษณาอีกชิ้นก็ไม่ได้ไปต่อ หรือที่เรียกว่า ‘A/B testing’ นั่นเอง
- ตัด Placement ที่ไม่ค่อยจำเป็นทิ้ง!
เป็นอีกวิธีที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาได้ดี โดยการอาศัยระยะเวลาจากการลองยิงโฆษณาทุก Placement ก่อน และรอดูผลลัพธ์หรือประสิทธิภาพการทำงานของโฆษณาคุณใน Placement ต่าง ๆ ว่าช่องทางใดมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด จึงสามารถที่จะเลือกตัด Placement ที่จำเป็นน้อยที่สุดออกไปได้
- ยิงให้ถูกที่ถูกเวลา
สุดท้ายควรศึกษาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการยิงโฆษณาสำหรับการซื้อขายสินค้าบน Facebook ดูว่ายิงโฆษณาเวลาไหนจะปังที่สุด เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การโพสต์ในช่วง Peak Time หรือช่วงที่มีผู้ใช้ Active เยอะ ๆ ก็ส่งผลให้โฆษณาของคุณสามารถเข้าถึงคนได้มากยิ่งขึ้น ซ้ำการยิงโฆษณาที่ถูกเวลานั้นจะช่วยประหยัดงบประมาณ ไม่ต้องโฆษณาเกินระยะเวลาที่กำหนด