Scroll to top

ทำความรู้จัก ‘Influencer Marketing’ เครื่องมือการตลาดที่ปังที่สุดใน พ.ศ. นี้!

‘เน็ตไอดอล (Net Idol)’ ‘ยูทูปเบอร์ (Youtuber)’ และ ‘บล็อกเกอร์ (Blogger)’ คำเหล่านี้นั้นคนไทยคงได้ยินกันมานาน แต่ก่อนหน้านี้อาจยังไม่เข้าใจว่า คนกลุ่มนี้คือ ‘Influencer’ จนกระทั่งช่วงหลังที่แทบทุกแบรนด์หยิบเครื่องมือการตลาดอย่าง ‘Influencer Marketing’ มาใช้กันมากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย สามารถโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้เกิดการตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการได้เป็นอย่างดี

เช่น ‘ญาญ่า–อุรัสยา เสปอร์บันด์’ นางเอกสาวชื่อดัง ที่นับว่าเป็น Influencer ระดับ Mega จะหยิบจับอะไรก็เป็นกระแสไปหมด ไม่เพียงแต่ในวงการบันเทิง อย่างล่าสุดที่เจ้าตัวถ่ายภาพคู่ต้นไม้ใบหญ้าที่เจ้าตัวปลูก ก็ทำเอาวงการต้นไม้สั่นสะเทือน กระแสปลูกต้นไม้ เลี้ยงไม้ประดับคึกคัก จนทำเอาราคาต้นไม้พุ่งสูงเลยทีเดียว!

ได้เห็นตัวอย่าง Power ของเครื่องมือ ‘Influencer Marketing’ กันไปแล้ว อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงอยากทราบแล้วว่า ‘Influencer Marketing’ นั้นคืออะไร เราได้รวบรวมข้อมูลสำคัญที่ต้องรู้ไว้ให้พวกคุณแล้ว เพื่อที่จะสามารถนำไปปรับใช้กับแบรนด์ของคุณได้เลย มีหัวข้อดังนี้

  • ‘Influencer Marketing’ คืออะไร?
  • ‘Influencer’ มีกี่ประเภท เหมาะกับการทำตลาดแบบไหน?
  • ใครคือคนที่ควรใช้ ‘Influencer Marketing’
  • ทำไม ‘Influencer’ ถึงสำคัญ
  • ข้อดีของการทำ ‘Influencer Marketing’

ทั้งหมดก็เป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ ‘Influencer Marketing’ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับนักการตลาดออนไลน์หรือแบรนด์ต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน รับรองว่าผลตอบรับของแบรนด์คุณต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน!

‘Influencer Marketing’ คืออะไร?

‘Influencer’ มาจากคำว่า Influence ที่แปลว่า การจูงใจ, การโน้มน้าว หรืออิทธิพล ซึ่งหากมองควาหมายโดยรวมแล้ว Influencer จึงหมายถึง ผู้มีอิทธิพลหรือผู้ที่สามารถจูงใจได้ โดย ‘Influencer’ ในที่นี้คือผู้ที่มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล อาจเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงหรือมีผู้ติดตามจำนวนมาก และได้ทำคอนเทนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram หรือ Youtube ซึ่งถ้ามีผู้ติดตามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้มีอิทธิพลต่อผู้ติดตามมากเท่านั้น 

ดังนั้น ‘Influencer Marketing’ จึงเป็นเครื่องมือการตลาดที่อาศัยอิทธิพลของเหล่า Influencer ในการโน้มน้าวให้ผู้ติดตามสนใจ ชื่นชอบ จนไปถึงการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของแบรนด์นั้น ๆ ซึ่งคล้ายกับกลยุทธ์การตลาดในอดีตที่ใช้คนมีชื่อเสียงมาการันตีคุณภาพสินค้าเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจ เพียงแต่ต่างกันที่ ‘Influencer Marketing’ จะเน้นไปทางออนไลน์มากกว่านั่นเอง

ทำไม ‘Influencer’ ถึงสำคัญ 

‘Influencer’ หรือ ‘ผู้มีอิทธิพลบนสื่อโซเชียล’ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์คอนเทนต์เฉพาะด้านลงแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, ท่องเที่ยว, ไลฟ์สไตล์, ความสวยความงาม, เทคโนโลยี หรืออื่น ๆ ตามที่พวกเขาเชี่ยวชาญ ซึ่งมีกลุ่มผู้ที่ให้ความสนใจและติดตามคอนเทนต์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แน่นอนว่ามีอิทธิพลโน้มน้าวให้ผู้ติดตามอยากรู้ อยากลองสินค้าและบริการต่าง ๆ ตามที่พวกเค้านำเสนอ

แบรนด์จึงสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ กำหนด Keyword ที่ต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้า และเลือกเหล่า ‘Influencer’ ในการสร้างคอนเทนต์ รีวิวสินค้า สร้างการบอกต่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของแคมเปญด้วยกลยุทธ์ ‘Influencer Marketing’

‘Influencer’ มีกี่ประเภท เหมาะกับการทำตลาดแบบไหน? 

Influencer แบ่งตามจำนวนผู้ติดตาม และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ได้ 5 ประเภทหลัก ๆ

  1. Nano-Influencer (ผู้ติดตาม 1,000-10,000) ผู้ที่มีอิทธิพลหรือเป็นที่รู้จักในสังคมขนาดเล็ก เช่น โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือชุมชนคนที่สนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

Nano-Influencers แม้ว่าจะมีขนาดผู้ติดตามน้อยที่สุด แต่ผู้ที่ติดตามให้ความสนใจอย่างเต็มที่ รับฟังความคิดเห็นและมีส่วนร่วม (Engagement) ได้ง่าย ด้วยเรทราคาจ้างที่ไม่สูงมาก แบรนด์จึงสามารถว่าจ้างได้หลายคน เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนขนาดใหญ่

  1. Micro-Influencer (ผู้ติดตาม 10,000-50,000) มักเป็นผู้ที่โดดเด่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ มีแนวทางคอนเทนต์ที่ชัดเจน เช่น รีวิวอาหาร ท่องเที่ยว ความสวยความงาม เป็นต้น

เนื่องจาก Micro-Influencer มีผู้ติดตามจำนวนมากและมีความสนใจเฉพาะด้าน แบรนด์จึงสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกับวัตถุประสงค์การตลาดมากขึ้น

  1. Mid-Tier Influencer (มีผู้ติดตาม 50,000-100,000 คน) เป็นประเภทที่มีความโดดเด่นหรือเชี่ยวชาญเฉพาะทางเช่นเดียวกับระดับ Micro-Influencer แต่ประเภทนี้จะเป็นประเภทที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องการมากกว่า 

เนื่องจาก Mid-Tier Influencer สามารถสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ได้ดีในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถสร้างเนื้อหาไปยังกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างยิ่งขึ้นอีกด้วย

  1. Macro-Influencer (ผู้ติดตาม 100,000-1,000,000) มักเป็นผู้ทำคอนเทนต์เป็นอาชีพ มีความโดดเด่น และแนวทางคอนเทนต์ที่ชัดเจน มีอิทธิพลต่อคนจำนวนมากสร้างการรับรู้ได้ดี

สำหรับการว่าจ้าง แบรนด์สามารถสร้าง Brand Awareness ได้อย่างแน่นอน สิ่งที่ต้องคำนึงคือการสื่อสารในเรื่องละเอียดอ่อน เช่น วัฒนธรรม ศาสนา และการเมืองซึ่งอาจส่งผลเสียต่อแบรนด์แทน

  1. Mega-Influencer (ผู้ติดตาม 1,000,000+) ผู้ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ มักไม่จำกัดขอบเขตของประเภทคอนเทนต์ ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงแบบออฟไลน์มาก่อน เช่น ดารา, นักแสดง, นักกีฬา หรือนักดนตรี

แบรนด์ขนาดใหญ่มักว่าจ้าง Mega-Influencers  เนื่องจากมีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับการสื่อสารประชาสัมพันธ์และทำแคมเปญการตลาด

อ้างอิง: https://www.thumbsup.in.th/influencer-marketing-for-socialmedia?fbclid=IwAR0k4Yrs7Gc_94xAzJHIryxfSf_ZhioQpS374xkdGcsgZJp7698NkIHBIss

ใครคือคนที่ควรใช้ ‘Influencer Marketing’  

แม้ในปัจจุบัน Influencer Marketing จะเป็นกลยุทธ์ยอดฮิตที่เหล่านักการตลาดเล็งไว้เพื่อนำมาปรับใช้ในแผนการตลาดมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ‘ทุกแบรนด์’ จะใช้กลยุทธ์นี้แล้วได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

‘Influencer Marketing’ อาจให้ผลดีกับสินค้าหรือบริการบางประเภท เช่น เครื่องสำอางที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะใช้ความรู้สึก (Emotional) ในการตัดสินใจซื้อเป็นหลัก แต่ในทางกลับกัน สำหรับสินค้าบางประเภท กลยุทธ์นี้ก็อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เช่น สินค้าประเภทเครื่องจักรโรงงานที่ลูกค้าหลักเป็นช่าง วิศวกรเครื่องกล หรือเจ้าของโรงงาน การจะลงทุนกับเครื่องจักรที่มีราคาสูงนั้น ลูกค้าอาจไม่ต้องการ Influencer มาโน้มน้าว แต่ต้องการศึกษารายละเอียดสินค้าและบริการอย่างถี่ถ้วนที่สุดก่อนตัดสินใจ ในกรณีนี้การนำงบประมาณไปทุ่มกับเว็บไซต์ หรือการใช้กลยุทธ์ ‘Search Marketing’ น่าจะเหมาะสมกว่า 

ดังนั้น ก่อนที่นักการตลาดจะตัดสินใจเพิ่มกลยุทธ์ ‘Influencer Marketing’ นี้เข้าไปในแผนการตลาด อย่าลืมตั้งคำถามและตรวจสอบปัจจัยแบบรอบด้าน เช่น กลยุทธ์นี้ตอบโจทย์จุดประสงค์ทางธุรกิจหรือจุดประสงค์ทางการตลาดหรือไม่ เหมาะสมกับประเภทของสินค้าและบริการของคุณหรือไม่ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายหลักของคุณเป็นอย่างไร และคาดการณ์ผลตอบแทนที่ได้ว่าคุ้มค่าจริงหรือไม่ …ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่นักการตลาดอย่างเราต้องคิดให้หนัก

ที่มา: https://www.motiveinfluence.com/blog/71/Influencer-Marketing-คืออะไร-ทำไมนักการตลาดต้องรู้จัก

ข้อดีของการทำ ‘Influencer Marketing’

  1.  สร้าง Brand Awareness 

‘Influencer’ เป็นผู้ที่มีคนติดตามบนโซเชียลเป็นจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว จึงช่วยโปรโมทแบรนด์ให้เข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นและทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงแบรนด์ การรีวิวสินค้าหรือบริการ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้ติดตามมีส่วนร่วม หรือการแจกสินค้าให้ไปทดลองใช้ (Giveaway) เป็นต้น

  1. เพิ่มความน่าเชื่อถือ 

‘Influencer’ นับเป็นผู้บริโภคเช่นเดียวกันกับคนทั่ว ๆ ไป และคนส่วนใหญ่ก็มักเชื่อผู้บริโภคด้วยกันมากกว่าโฆษณาจากตัวแบรนด์ คล้ายกับการตลาดแบบปากต่อปากที่ได้ผลมากกว่านั่นเอง ยิ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญหรือความสนใจตรงกับสินค้าและบริการ ก็จะทำให้ผู้ติดตามรู้สึกเชื่อถือมากขึ้น

  1. เพิ่มยอดขาย 

การทำตลาดทุกรูปแบบ แน่นอนว่าต้องมีเป้าหมายในการเพิ่มยอดขาย ซึ่ง ‘Influencer’ นั้นช่วยทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้าและบริการ และมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้ามากขึ้นกว่าการตลาดออนไลน์แบบอื่น ๆ นอกจากนี้เรายังสามารถกระตุ้นการสั่งซื้อหรือไปใช้บริการได้โดยการกำหนดโค้ดส่วนลดพิเศษให้ ‘Influencer’ โปรโมทก็ได้

  1. วัดและประเมินผลได้ 

แบรนด์สามารถดูผลตอบรับบนโซเชีลมีเดียอย่าง Facebook ได้จากยอดการเข้าถึง (Reach) และการมีส่วนร่วม (Engagement) คือ จำนวนยอดถูกใจ (Like),  ความเห็น (Comment) หรือแชร์ (Share)  เพื่อประเมินผลและวางแผนการตลาดครั้งต่อไป

ที่มา: https://www.thaibusinesssearch.com/marketing/influencer-marketing/

Author avatar
adminboyngaijr
http://www.ahead-agency.com
We use cookies to give you the best experience.